มูลนิธิเสียงธรรมเพื่อประชาชน

You are here: หน้าหลัก ข่าวสารมูลนิธิเสียงธรรมฯ ภาพเหตุการณ์ตรวจจับ-แถลงการณ์ ๔ (ด่วน) -ใบสิทธิออกอากาศวิทยุเสียงธรรมทั่วปท.-หนังสือทวงถามใบอนุญาตเครื่องส่งฯ ๑๘ ก.ย.๕๕

ภาพเหตุการณ์ตรวจจับ-แถลงการณ์ ๔ (ด่วน) -ใบสิทธิออกอากาศวิทยุเสียงธรรมทั่วปท.-หนังสือทวงถามใบอนุญาตเครื่องส่งฯ ๑๘ ก.ย.๕๕

อีเมล พิมพ์ PDF

 

แถลงการณ์ฉบับที่ ๔
เรื่อง แนวปฏิบัติของสถานีลูกข่าย
ต่อกรณี กสทช. แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้น
 
          ด้วยสำนักงาน กสทช. กรุงเทพมหานคร มีหนังสือแจ้งให้สำนักงาน กสทช. เขต ๑๐ (พิษณุโลก) แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าดำเนินการตรวจค้นสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ คลื่นความถี่ ๑๐๖.๕๐ MHz ซึ่งเป็นสถานีวิทยุในเครือข่ายมูลนิธิเสียงธรรมฯ พร้อมตั้งข้อหามี ใช้ ซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม และตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต นั้น
ในวันนี้ เจ้าพนักงาน กสทช. เขต ๑๐ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าดำเนินการตรวจค้นตามคำสั่งดังกล่าว ปรากฏว่าผู้อำนวยการสถานีได้นำ “เอกสารแสดงการได้รับสิทธิทดลองออกอากาศวิทยุกระจายเสียง” เลขที่ 13520653 แสดงต่อเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าว โดยทีแรกเจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อจึงได้ถามว่า “เป็นเอกสารตัวจริงหรือไม่”
ผู้อำนวยการสถานีตอบว่า “ตัวจริงอยู่ที่เจ้าของคือมูลนิธิเสียงธรรมฯ สถานีแห่งนี้เป็นสมบัติของสงฆ์ที่ได้ถวายต่อพระธรรมวิสุทธิมงคล(หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน) ตัวผมเป็นผู้ดูแลรักษา จะทำอะไรต้องขออนุญาตเจ้าของสถานีเสียก่อน”
เมื่อเจ้าหน้าที่ กสทช. ชุดดังกล่าวตรวจสอบข้อมูลกับส่วนกลางแล้วถึงกับเก้อเขินพร้อมกับตอบว่า “ข้อมูลที่ได้มาในวันนี้เป็นข้อมูลเก่า เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าสถานีแห่งนี้มีเอกสารสิทธิถูกต้อง”
ผู้อำนวยการสถานีเสียงธรรมจึงร้องขอให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นธรรม เนื่องจากในการตรวจค้นครั้งนี้มีลักษณะของความมีอคติและเป็นการเลือกปฏิบัติ พร้อมกับได้กล่าวว่า
“ในเมื่อสำนักงาน กสทช. กรุงเทพมหานคร มีข้อมูลรายละเอียดครบถ้วนและทราบดีว่าสถานีใดบ้างได้รับสิทธิทดลองออกอากาศ สถานีใดไม่มี แต่เพราะเหตุใดจึงยังออกคำสั่งให้สำนักงาน กสทช. เขต แจ้งความดำเนินคดีกับสถานีที่ได้รับสิทธิทดลองเช่นนี้อีก แล้วทำไมทั้งจังหวัดจึงเลือกมาที่นี่ก่อนที่อื่นๆ เช็คดูแล้วไม่มีที่ใดถูกหมายค้น ทำลักษณะนี้เหมือนมีอคติและเป็นการเลือกปฏิบัติ”
          เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวไม่สามารถชี้แจงเหตุผลได้ แต่ก็ได้แสดงการขออภัยต่อผู้ดูแลสถานีดังกล่าวด้วยดี จากนั้นจึงแยกย้ายกลับไป
          มูลนิธิเสียงธรรมฯ ขอแนะนำแนวทางปฏิบัติ ดังนี้
๑.      มูลนิธิเสียงธรรมฯ ขออนุโมทนาสาธุการมายังสถานีในเครือข่ายวิทยุเสียงธรรมทั่วประเทศที่มีน้ำใจเสียสละเพื่อประโยชน์สุขของผู้อื่นยิ่งกว่าตน และเป็นประโยชน์อย่างแท้จริง เป็นไปเพื่อความสุขทั้งในปัจจุบันชาติและภพภูมิต่อไป นำมาซึ่งวิมุตติหลุดพ้นจากทุกข์โดยสิ้นเชิง
๒.     ขอให้เครือข่ายเสียงธรรมฯ ทั่วประเทศเตรียมเอกสารสิทธิทดลองออกอากาศไว้เพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่ (รายละเอียดอยู่ด้านล่าง) หรือ เตรียมหนังสือที่พิเศษ มธป.๐๑/๒๕๕๕ ลว.๑๘ กันยายน ๒๕๕๕ เรื่อง ขอความอนุเคราะห์ดำเนินการตามมติ กทช. ปฏิบัติหน้าที่ กสทช. ออกประกาศหลักเกณฑ์การอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงบริการชุมชน (วิทยุภาคประชาชนที่มุ่งเน้นในเชิงประเด็น) ซึ่งสำนักงาน กสทช. กรุงเทพมหานคร ได้รับเอกสารชุดดังกล่าวแล้ว โดยลงหมายเลขที่รับ ๙๘๑๕ เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๕ ซึ่งสาระสำคัญของหนังสือดังกล่าวเป็นการโต้แย้งการทำงานของ กสทช. ว่ามีลักษณะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการออกใบอนุญาตเครื่องส่งวิทยุกระจายเสียงซึ่งสมควรได้รับใบอนุญาตนานแล้ว
ทั้งนี้ เนื่องจากมูลนิธิเสียงธรรมฯ ได้ยื่นเอกสารขอให้ กสทช. ดำเนินการออกใบอนุญาตให้ทำ มี ใช้ นำเข้า เครื่องวิทยุคมนาคม และตั้งสถานีวิทยุคมนาคม พร้อมแบบ ฉก.๑ และ ฉก.๒ ตั้งแต่วันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๕๓ แต่จนบัดนี้ล่วงเลยมากว่า ๒ ปี ๘ เดือน ๕ วัน แล้ว แต่ กสทช. กรุงเทพมหานคร ยังไม่ดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น ถือเป็นความผิดเพราะความล่าช้าของ กสทช. เสียเอง มิใช่ความผิดของสถานีในเครือข่ายมูลนิธิเสียงธรรมฯ
๓.     หาก กสทช. ยังดำเนินการในลักษณะดังกล่าวกับสถานีเครือข่ายมูลนิธิเสียงธรรมฯ แห่งอื่นๆ อีก มูลนิธิเสียงธรรมฯ ถือเป็นความรับผิดชอบโดยตรงที่ต้องให้ความคุ้มครองสถานีลูกข่ายมิให้ถูกกลั่นแกล้ง ทั้งที่คณะผู้ก่อตั้งและผู้บริหารสถานีทุกแห่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้เสียสละกำลังกายกำลังใจกำลังทรัพย์เพื่อประโยชน์สาธารณะแก่ประชาชนอย่างแท้จริง เพียงเท่านี้ก็เป็นภาระมากพอแล้ว ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะต้องมาเผชิญหน้ากับความไม่ชอบมาพากลในลักษณะดังกล่าวอีกต่อไป มูลนิธิเสียงธรรมฯ ถือเป็นความจำเป็นต้องนำเรื่องดังกล่าวเข้าพิจารณาอย่างรอบคอบอีกครั้งก่อนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

 

 ๔.     ด้วยการดำเนินการของ กสทช. ที่ไม่ชอบมาพากลในลักษณะดังกล่าวนี้ จึงเป็นสาเหตุสำคัญทำให้ต้องเร่งดำเนินการรวบรวมรายชื่อประชาชนจำนวน ๑๐,๐๐๐ คน เข้าชื่อเสนอกฎหมาย "(ร่าง)พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม (ฉบับที่ ...) พ.ศ. ..." เพื่อให้บรรดาเครื่องส่งวิทยุกระจายเสียงของเครือข่ายวิทยุเสียงธรรมฯ และของผู้ประกอบการรายใหม่ทั้งประเทศได้รับใบอนุญาตฯ อย่างถูกต้องสมบูรณ์ เป็นการป้องกันการกลั่นแกล้งที่รุนแรงถึงขั้นดำเนินคดีเข้าตรวจค้นจาก กสทช. และยังโยนความผิดกล่าวหาว่าเครื่องส่งเหล่านี้รบกวนวิทยุการบินและเป็นอันตรายต่อสุขภาพมนุษย์ ทั้ง ๆ ที่ความบกพร่องเหล่านี้เกิดจาก กสทช. ทั้งสิ้น

 
      จึงออกแถลงการณ์เป็นฉบับที่ ๔ เพื่อประกาศให้เครือข่ายสถานีและประชาชนผู้ฟังทราบโดยทั่วกัน และขอให้ทุกท่านโปรดเฝ้าระวังและติดตามการทำงานของสำนักงาน กสทช. เขต ตามภูมิภาคต่างๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อมิให้เจ้าพนักงาน กสทช. เขตต้องพลอยดำเนินการผิดพลาดตามนโยบายและการปฏิบัติหน้าที่ที่ผิดพลาดของ กสทช. ชุดนี้อีกต่อไป
 
มูลนิธิเสียงธรรมเพื่อประชาชนฯ
๓ ตุลาคม ๒๕๕๕
 
 
*******************************************************************************************
 
เหตุการณ์ที่ กสทช. กลั่นแกล้งสถานีลูกข่ายของมูลนิธิเสียงธรรมฯ
บันทึกโดยผู้สังเกตการณ์ที่รักความเป็นธรรม
 
เมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๕ มีรถยนต์จำนวน ๔ คัน เข้ามาที่สถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ จากนั้นเจ้าหน้าที่ กสทช. แต่งชุดเครื่องแบบสีน้ำเงิน ๓ คน มีเจ้าหน้าที่มาด้วย ๒ คน ตำรวจในเครื่องแบบยศร้อยเอก ๑ คน เป็นหัวหน้าคณะนำตำรวจนอกเครื่องแบบอีก ๕ คน ถือหมายศาลมาดำเนินคดีกับคณะกรรมการสถานีและขอเข้าตรวจค้น
ลักษณะการเข้าตรวจของตำรวจนอกเครื่องแบบมีทีท่าขึงขังเอาเรื่องเอาราวเหมือนว่า ตั้งใจมาตรวจจับพ่อค้าขายยาบ้าผู้ร่ำรวยจากการคร่าชีวิตมนุษย์มากกว่าการขอเข้าตรวจสถานที่ที่อุทิศตนเพื่อบำเพ็ญคุณงามความดีด้วยการส่งกระจายเสียงเผยแผ่พระธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนา เป็นภาพเหตุการณ์ที่ผู้สังเกตการณ์เห็นแล้วเกิดความสลดสังเวชในแนวคิดและวิธีการปฏิบัติหน้าที่ของ กสทช. ชุดนี้อย่างที่สุด
เมื่อเจ้าหน้าที่ดังกล่าวเข้ามาถึงก็พากันมายืนออเต็มหน้าประตูทั้งหมด ผู้สังเกตการณ์เห็นบรรยากาศในขณะนั้นแล้วรู้สึกน่าสะพรึงกลัวมาก เหมือนเตรียมการจับกุม หากผู้ดูแลสถานีไม่ใช่นักปฏิบัติธรรมผู้เท่าทันอุบายอันสกปรกของโลกของกิเลสแล้วจะต้องหวั่นไหวในเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่น้อยเลยทีเดียวจึงตั้งหลักใจได้ทันและน่าจะสามารถชี้แจงเหตุผลความเป็นมาเป็นไปได้ทันท่วงทีบรรยากาศแห่งความเลวร้ายจากท่าทีเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวจึงผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็วกลายเป็นความเก้อเขินเก้ๆ กังๆ แทนที่
เจ้าหน้าที่ กสทช. ผู้อยู่ในเครื่องแบบออกอาการระส่ำระสายมากกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อเห็นเอกสารบางอย่างจากผู้ดูแลสถานี หลังจากที่พยายามดูแล้วดูอีก ก็พูดคุยปรึกษากัน ผู้สังเกตการณ์ทราบภายหลังว่า เจ้าหน้าที่ กสทช. ๒ คน คุยกันว่าในข้อมูลของเขาที่เขตพิษณุโลกไม่มีชื่อสถานีนี้ที่ขอใบอนุญาต แต่เมื่อได้โทรไปตรวจสอบที่ส่วนกลางแล้วพบว่า ใบอนุญาตตามหมายเลขนี้และสถานที่นี้มีจริง จากนั้นเจ้าหน้าที่ขอดูใบอนุญาตตัวจริง
ผู้ดูแลสถานีได้ตอบไปว่า “คงไม่มีใครที่จะให้ใบอนุญาตตัวจริงมาเก็บไว้กับคนอื่น ตัวจริงก็ต้องอยู่กับเจ้าของใบอนุญาต อุปกรณ์ทั้งหมดของสถานีนี้เป็นของทางมูลนิธิเสียงธรรมฯ ทั้งหมด ผู้ดูแลเป็นเพียงคนเฝ้าสถานีกับเจ้าหน้าที่คอยดูแลให้ออกอากาศเป็นปกติ ถ้ามีปัญหาก็แจ้งทางมูลนิธิฯ หรือดำเนินการซ่อมแซมถ้าทำได้ ทางมูลนิธิฯ ก็ส่งเจ้าหน้าที่มาดูแลปรับแก้ไขเป็นครั้งคราว”
เจ้าหน้าที่บอกว่า “ข้อมูลของเขาเก่าก่อนจะมี กสทช. ยังไม่ได้ update” ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้สำหรับหน่วยงานที่ทำหน้าที่ผู้กำกับดูแลเทคโนโลยีการสื่อสารทั้งระบบของชาติ และในระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งถึงลักษณะการทำงานที่ยังไม่แล้วเสร็จของสำนักงานส่วนกลางเช่นนี้จะมาตรวจจับไม่ได้ บรรยากาศในขณะนั้นผู้สังเกตการณ์แม้ไม่ทราบรายละเอียดนักก็เห็นได้ชัดเจนว่า เจ้าหน้าที่ กสทช. ตื่นตระหนกถึงความผิดพลาดของการทำงานที่เข้ากระทำการกับผู้บริสุทธิ์และตั้งใจอุทิศตนเพื่อพระศาสนาแต่ใช้วิธีการและเข้ากระทำการที่รุนแรงและร้ายแรงเกินกว่าเหตุ
ภายหลังผู้สังเกตการณ์ได้สัมภาษณ์ผู้ดูแลสถานีว่า เหตุการณ์ต่อจากนั้นผู้ดูแลได้สอบถามเจ้าหน้าที่ กสทช. ว่าอย่างไร ผู้ดูแลสถานีเล่าว่า
“ทำไมต้องเป็นสถานีหลวงตาฯ แห่งนี้เป็นแห่งแรก ทั้งๆที่สถานีวิทยุรอบๆ (ในจังหวัด) ที่ไม่ได้ขออนุญาตก็มีจำนวนมาก ... (ไม่เป็นสารประโยชน์แถมยังเป็นโทษก็มีไม่น้อย) คลื่นก็ฟุ้ง ... ทำไมไม่ไปตรวจ ... เลือกปฏิบัติหรือเปล่า”
เจ้าหน้าก็ตอบว่า “ส่วนกลางจะมีหนังสือให้ดำเนินคดีกับสถานีฯ ไหนก็แล้วแต่ส่วนกลางจะเลือกส่งหนังสือมา เขาเป็นผู้น้อยก็ต้องปฏิบัติตามผู้บังคับบัญชา”
ผู้ดูแลสถานีจึงตอบแบบใส่ปัญหาไปด้วยว่า “สถานีฯ รายต่อไปก็ให้มาตรวจเร็วหน่อยนะ ให้เหมือนกับที่มาตรวจสถานีหลวงตาอย่างรีบ ... ไม่ใช่เป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูหรือเปล่า ... สถานีเสียงธรรมทุกแห่งทำถูกต้องตามระเบียบทุกอย่าง แม้แต่การขออนุญาตให้มี ให้ใช้เครื่องส่ง ก็ทำหนังสือขอไปแล้วตั้งแต่ ๒ ปีก่อน ขณะนี้ก็ยังไม่ได้คำตอบ เห็นเงียบไป ก็เลยนึกว่าเรียบร้อย ไม่เห็น กสทช. บอกเหตุผล”
เมื่อสัมภาษณ์ถึงจุดนี้จึงได้รู้ว่าแท้ที่จริงเป็นความผิดพลาดของ กสทช. เองที่ไม่ดำเนินการออกใบอนุญาตให้มี ให้ใช้ เครื่องส่งและอนุญาตให้ตั้งสถานีวิทยุคมนาคม ทั้งที่ยื่นเรื่องไว้นานเกือบครบ ๓ ปีแล้ว ความผิดดังกล่าวเป็นโทษทางอาญาของ กสทช. ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ที่ควรต้องถูกดำเนินคดีเสียเอง กลับกลายมาเที่ยวเอาเรื่องเอาราวกับสถานีวิทยุที่บำเพ็ญประโยชน์ด้านพระพุทธศาสนาสายกรรมฐานที่ตรงแน่วต่อพระธรรมวินัยให้พระพุทธศาสนาต้องเสื่อมเสียเหมือนจงใจทำร้ายพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ให้มัวหมองบั่นทอนศรัทธา จึงเร่งด่วนออกหมายศาลดำเนินคดีอย่างฉับพลันทันทีและยกโขยงพากันมาในลักษณะนี้ จะให้ผู้สังเกตการณ์คิดเป็นอื่นได้อย่างไรนอกจากเป็นนโยบายของ กสทช. ชุดปัจจุบันที่ออกคำสั่งบังคับบัญชาที่ส่วนกลางเพื่อล้มล้างพระพุทธศาสนาให้มลายหายไปจากประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม เมื่อเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและ กสทช. ได้ทราบความจริงเห็นความผิดพลาดจากการปฏิบัติหน้าที่ที่ส่งมาจากส่วนกลางเช่นนี้ บรรยากาศแห่งความเป็นคนไทยผู้เคารพในพระพุทธศาสนาเป็นทุนเดิมในจิตใจก็กลับมาทันที ผู้ดูแลสถานีรับคำสั่งเจ้าบ้านให้เสริฟน้ำรับประทานตามธรรมเนียมปฏิบัติของคนวัด จากนั้นจึงถ่ายรูปร่วมกันเป็นที่ระลึกที่หน้าอาคารสถานีวิทยุเสียงธรรมฯ หล่มสัก ทุกสิ่งทุกอย่างจึงลงเอยด้วยดี ผู้ดูแลก็เห็นใจเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ก็เห็นใจผู้ดูแล ต่างคนต่างเป็นคนดีในสังคมแต่ต้องกลายมาเป็นผู้เกือบมีคดีอาญาติดตัวทั้งสองฝ่ายเพราะนโยบายที่ผิดพลาดอย่างมหันต์ของ กสทช. ชุดนี้
บรรยากาศของความเห็นอกเห็นใจเล็งเอาประโยชน์ที่บังเกิดแก่ประชาชนในทางพระพุทธศาสนาเช่นนี้เองจึงจบลงได้ด้วยความเป็นธรรมสมเป็นลูกชาวพุทธลูกของพระบรมศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยกันทั้งสองฝ่าย
 

 

หนังสือทวงถามประกาศอนุญาตวิทยุชุมชนเชิงประเด็น ๑๘ ก.ย.๕๕

 

ผู้สังเกตการณ์บันทึกไว้เพื่อเป็นคติสอนลูกหลานในวันหน้า
ถึงการปฏิบัติหน้าที่ที่ผิดพลาด ในวันที่ผิดพลาด จากนโยบายที่ผิดพลาด ของ กสทช. ชุดปัจจุบัน
๓ ตุลาคม ๒๕๕๕
(วันประสูติของสมเด็จพระสังฆราช)

ภาพเหตุการณ์ท้ายๆ เป็นบรรยากาศที่ผ่อนคลายลงแล้ว : ๓ ตุลาคม ๒๕๕๕ ณ สถานีวิทยุเสียงธรรมฯ หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์
********************************************************************

 

ใบขยายสิทธิทดลองออกอากาศของสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชนเป็นระยะเวลา ๓๐๐ วัน (๑๑ ม.ค.๒๕๕๕ ถึง ๕ พ.ย.๒๕๕๕)
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
 
 ภาคกลาง