มูลนิธิเสียงธรรมเพื่อประชาชน

You are here: หน้าหลัก ข่าวสารมูลนิธิเสียงธรรมฯ แถลงการณ์ ฉบับที่ ๒ / ๒๕๕๖ เรื่อง อย่าบิดเบือนข้อเท็จจริงกรณีการรบกวนคลื่นวิทยุการบิน

แถลงการณ์ ฉบับที่ ๒ / ๒๕๕๖ เรื่อง อย่าบิดเบือนข้อเท็จจริงกรณีการรบกวนคลื่นวิทยุการบิน

อีเมล พิมพ์ PDF

 แถลงการณ์  ฉบับที่ ๒ / ๒๕๕๖

เรื่อง อย่าบิดเบือนข้อเท็จจริงกรณีการรบกวนคลื่นวิทยุการบิน

 

          ด้วยปรากฏข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์ออนไลน์เมื่อวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๖ มีใจความสำคัญเป็นการอ้างเอาสถิติการรบกวนวิทยุการบินในปีที่ผ่านซึ่งได้รับแจ้งจากนักบินกว่า ๒,๘๐๔ ครั้ง โดยนักบินยืนยันว่าขณะบินผ่านน่านฟ้าไทยได้รับสัญญาณการรบกวนจากเสียงจัดรายการวิทยุเสียงเพลง เสียงโฆษณาสินค้า มีคลื่นรบกวนมากในแถบภาคกลางซึ่งอาจทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยทางการบินโดยเฉพาะช่วงสภาพอากาศไม่ดี แล้วยกเอาปัญหาดังกล่าวมาเป็นเหตุแห่งการถาโถมโจมตีวิทยุชุมชนให้เป็นผู้รับผิดเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น นั้น

          มูลนิธิเสียงธรรมฯ ขอชี้แจงความจริงในเรื่องนี้ต่อสาธารณชนเพื่อมิให้เสพย์ข่าวที่บิดเบือน ดังต่อไปนี้

๑.   เหตุแห่งการรบกวนวิทยุการบินดังกล่าว เกิดขึ้นจากระบบเครื่องส่ง เสาอากาศ สายอากาศ หรือแม้แต่การ Shielding ของสถานีวิทยุแห่งใดแห่งหนึ่งที่ไม่ได้มาตรฐาน แม้มีกำลังส่งเพียง ๕ วัตต์ ก็เป็นต้นเหตุแห่งการรบกวนได้ และแม้จะเป็นสถานีวิทยุของรัฐที่เคยได้รับอนุญาตจากกรมไปรษณีย์โทรเลขก็สามารถสร้างปัญหาดังกล่าวได้เช่นเดียวกัน ข้อเท็จจริงที่กล่าวนี้ได้รับการยืนยันจากผลการปฏิบัติหน้าที่โดยตรงของวิศวกรประจำบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย (บวท.) ทั้งที่สำนักงานใหญ่และภูมิภาค ดังนั้น การออกข่าวบิดเบือนความจริงเช่นนี้เพื่อหวังโจมตีเฉพาะวิทยุชุมชนที่กฎหมายบัญญัติไว้เป็นประเภทที่ไม่แสวงหากำไรในทางธุรกิจเท่านั้นให้เป็น “แพะรับบาป” แต่เพียงฝ่ายเดียวเช่นนี้ จึงไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง จัดเป็นการกล่าวคำ “มุสาวาทระดับชาติ”

ข้อเท็จจริงในประเด็นนี้ก็คือ วิศวกรประจำ บวท. ยืนยันว่า แม้จะเป็นสถานีวิทยุที่มีกำลังส่งต่ำเพียง ๕ - ๓๐ วัตต์ก็ตาม หากระบบเครื่องส่ง เสาอากาศ สายอากาศ หรือการShielding ของสถานีวิทยุกำลังส่งต่ำมีข้อบกพร่องไม่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ หรือระบบเครื่องส่งดีมีคุณภาพสูงแต่เสื่อมสภาพตามอายุใช้งาน เหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุแห่งการส่งสัญญาณรบกวนวิทยุการบินได้ทั้งสิ้น ดังที่เคยเกิดขึ้นจริงมาแล้วกรณีตัวอย่างวิทยุของกองทัพในกรุงเทพมหานครที่รบกวนวิทยุการบินอย่างหนักจนต้องขอความช่วยเหลือจากวิศวกรประจำ บวท. เข้าปรับปรุงแก้ไขจนสำเร็จ

๒.  มหาเหตุแห่งการรบกวนวิทยุการบินที่แท้จริงก็คือ การบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ของ กสทช. ที่ไม่เคยออกปฏิบัติการจริงในพื้นที่ด้วยการให้ความรู้แนะนำช่วยเหลือใดๆ แก่สถานีวิทยุต่างๆ เลยตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งแม้แต่คลื่นของรัฐที่เคยได้ใบอนุญาตจากกรมไปรษณีย์โทรเลขในอดีตก็ยังแก้ปัญหาไม่ตกก่อให้เกิดการรบกวนวิทยุการบินอย่างรุนแรงมาแล้วในช่วงปีสองปีที่ผ่านมานี้  ดังนั้น นโยบายปิดบังความรู้ ปิดกั้นใบอนุญาตแก่วิทยุรายใหม่ของ กสทช. จึงเป็นมหาเหตุแห่งปัญหาที่แท้จริง ซึ่งตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงกับกรณี บวท. ที่ยอมสูญเสียงบประมาณขององค์กรเพื่อจัดส่งวิศวกรเข้าแนะนำช่วยเหลือสถานีวิทยุต่างๆ  จากที่ไม่เคยรู้มาก่อนก็กลายเป็นสถานีที่ทรงความรู้และประสบการณ์ขึ้นมา รู้ต้นเหตุแห่งปัญหาและสามารถแก้ปัญหาด้วยตนเองได้

มูลนิธิเสียงธรรมฯ จึงขอแสดงความชื่นชนและขออนุโมทนาแก่ บวท. มา ณ โอกาสนี้ และขอกล่าวความจริงต่อสาธารณชนว่า ปัญหารบกวนวิทยุการบิน ๒,๘๐๔ ครั้งในปีที่ผ่านมานั้นเกิดจากความละเลยการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของ กสทช. ทั้งๆ ที่เป็นหน้าที่โดยตรงตามกฎหมาย

๓.  กสทช. มีเงินงบประมาณจำนวนมาก มีอุปกรณ์ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์อย่างครบครัน  มีรถ Mobile Unit พร้อมอุปกรณ์ไฮเทคมูลค่ามหาศาล รวมถึงมีกำลังเจ้าหน้าที่ที่มีความสามารถ ที่สำคัญเป็นหน้าที่โดยตรงตามกฎหมาย แต่ กสทช. กลับใช้วิธีนั่งเฝ้านับคะแนนการรบกวนวิทยุการบินให้ได้แต้มสูงสุดเหมือนจงใจอยากให้แต้มสูงสุดในปีต่อๆ ไปโดยไม่ทำหน้าที่ใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากการนั่งนับแต้มและการแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งประชาชนผู้เฝ้าติดตามพฤติการณ์เหล่านี้มายาวนานจนได้ข้อสรุปที่ชัดเจนแล้วในขณะนี้ว่า กสทช.กำลังคัดเลือกว่าจะพุ่งเป้าสังหารไปยังสถานีใดหรือจะโอบอุ้มเฉพาะสถานีใดซึ่งเป็นพฤติกรรมของ “ผู้ล่า” มิใช่ “ผู้กำกับดูแล”

๔.  มูลนิธิเสียงธรรมฯ ขอเป็นกำลังใจและขออนุโมทนาอย่างจริงใจต่อผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของ บวท. ในความเสียสละทำหน้าที่เพื่อประโยชน์สุขของส่วนรวม ซึ่งสอดคล้องกับพระธรรมเทศนาที่องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ได้เมตตาแสดงไว้และสนทนาธรรมในประเด็นดังกล่าวกับผู้บังคับการกองบิน ๒๓ เมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๔๘ ความดังต่อไปนี้

“...ผู้กำกับการตำรวจ (อ่านถวายหลวงตา)   จากหนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทยคอลัมน์วิจารณธรรม ประจำวันพุธ หัวข้อเรื่องว่าเสียงธรรมให้แต่ความชุ่มเย็น ...

จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมลูกศิษย์สายธรรมของหลวงตาจึงมีทั้งชาวอินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงค์โปร์ ลาวและประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศทั่วโลก .. ยังส่งผลให้ผู้ที่อยู่ในสังคมเดียวกับลูกศิษย์ของหลวงตาประสบแต่ความร่มเย็นเป็นสุขและไม่เพียงแค่นั้นแม้แต่ผู้ที่ไม่เคยสดับรับฟังธรรมของหลวงตาเลยอีกจำนวนหลายล้านคนก็ยังพลอยได้รับอานิสงส์จากคณะศิษย์ของหลวงตาไปด้วยอย่างถ้วนหน้า

เนื่องจากคณะศิษย์ผู้ได้ฟังธรรมของหลวงตามักจะขอถวายปัจจัยบูชาธรรมกันทุกวัน ในบางรายจะถวายเป็นหมื่นเป็นแสนบาทปัจจัยบูชาธรรมเหล่านี้หลวงตาท่านจะนำไปช่วยจัดซื้อเครื่องมือแพทย์เครื่องมือตรวจตา เครื่องมือผ่าตัด เครื่องเอกซเรย์ รถพยาบาล เตียงคนไข้และสร้างตึกสร้างอาคารให้แก่โรงพยาบาลต่างๆ ถ้าจะนับทั้งหมดแล้วก็ไม่น้อยกว่า 200 แห่งทั่วประเทศนี้คืออานิสงส์ที่ประชาชนคนไทยได้รับจากการแสดงธรรมของหลวงตา

มีใครบ้างที่ไม่ต้องเข้าโรงพยาบาล ??

แต่ก็เป็นที่น่าเสียใจยิ่งที่ .. บางคนกลับมองเห็นการแสดงธรรมของหลวงตาเป็นพิษเป็นภัยต่อสังคมมองว่าการถ่ายทอดเสียงธรรมออกทางสถานีวิทยุชุมชนเป็นการรบกวนคลื่นวิทยุการบินกวนคลื่นสถานีหลัก รบกวนทีวีถึงกับทำหนังสือราชการข่มขู่หลวงตาหลายครั้งว่าจะต้องจัดการอย่างเฉียบขาด

เพื่อให้เป็นที่เข้าใจในการใช้ความถี่คลื่นวิทยุ พล...วีรวุธ ลวะเปารยะอดีตนักบินรบแห่งกองทัพอากาศไทย ท่านได้ให้ข้อมูลแก่ หนูแก้ว” ว่าคลื่นวิทยุที่นักบินเขาใช้ติดต่อกับภาคพื้นดินหรือท่าอากาศยานต่างๆ จะอยู่ในคลื่นความถี่ระหว่าง 118.1 ถึง 120.0 เมกะเฮิรตซ์ขึ้นไปส่วนคลื่นความถี่ของสถานีวิทยุชุมชนจะอยู่ในช่วงความถี่ระหว่าง 78.5 – 108.0 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งเรียกว่าเป็นคลื่นความถี่ต่ำทั้งสองคลื่นนี้จะไม่สามารถส่งคลื่นรบกวนกันได้เลยจะเกิดสัญญาณคลื่นสั่นบ้างก็ในขณะที่เครื่องบินกำลังจะขึ้นลงแต่ก็ไม่ถึงกับจะเกิดอันตรายอะไร เพราะถึงอย่างไรสหพันธ์การบินสากล” หรือ ICAO.หรือ FAA. จะมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบความปลอดภัยทุกสนามบินทั่วโลกอยู่แล้ว

สถานีวิทยุชุมชนบางสถานีส่งคลื่นกำลังแรงขนาด 5 – 10 กิโลวัตต์ แต่สถานีวิทยุของรัฐบาลก็มีหลายสถานีที่มีกำลังส่งแรงถึง 20 – 30 กิโลวัตต์มากกว่าวิทยุชุมชนหลายเท่าตัว

แล้วไอ้คลื่นวิทยุที่ว่ารบกวนวิทยุการบินนั้นมันเป็นคลื่นกำลังส่งของรัฐบาลหรือ เป็นคลื่นของวิทยุชุมชน ??

                                                  (หนูแก้ว)

 

หลวงตาตอบ     ที่เขาออกหนังสือพิมพ์นี้ก็เป็นธรรม ที่ออกมาเป็นแง่เป็นทางต่างๆ ส่วนมากจิตใจของคนที่เห็นว่าที่ใดเป็นภัยอย่างนี้นะผิดถูกชั่วดีก็จะเหมาพวกนั้นเป็นภัยๆ เลยก็มีเช่นอย่างที่ว่าเกี่ยวกับรัฐบาลห้ามวิทยุว่าไปรบกวนวิทยุการบินมันก็ไม่เป็นความจริงอย่างเดียวพวกที่คอยส่งเสริมให้ทั้งทางชาติทางศาสนาแตกแยกกันนี้มี เป็นความผิดสำหรับพวกนี้แหย่เข้าไปๆ เวลาสืบสาวเข้าไปจริงๆ ทางรัฐบาลไม่รู้เรื่องนั้นมีนะเพราะเราพูดอะไรเราพูดด้วยความเป็นธรรมจริงๆ ไม่ใช่พูดว่าพวกนั้นเป็นภัยพวกนี้เป็นคุณ เราไม่ได้เอาอย่างนั้นนะ ใครผิดใครถูกว่าไปตามหลักเกณฑ์อย่างที่กล่าวมาเกี่ยวกับเรื่องวิทยุนี้ สอบเข้าไปหาทางรัฐบาลไม่มีก็มีมันเสกสรรปั้นขึ้นมาให้คนแตกแยกกันก็มี

เพราะฉะนั้นเราจึงยังไม่ตำหนิทีเดียวว่าจะผิดไปตามคำออกมาที่เขาโฆษณาเหมือนว่าโจมตีกันเป็นอย่างนั้นละ เพราะเราฟังเป็นธรรมจริงๆ เราไม่ได้มีเอนมีเอียงอะไรทั้งนั้นนี่เป็นความผิดพลาดของประชาชนผู้ใดก็ตามที่ไม่หวังดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์มันไปยุแหย่ให้แตกจากกันก็มี โดยอาศัยเหตุการณ์เล็กน้อยเท่านั้น มันไปทำให้แตกก็มีเราจึงไม่ควรจะเชื่อเสียทีเดียว ให้พิจารณาเหตุผลต้นปลายให้ดีทุกอย่างๆสำหรับหลวงตานี้เรียกว่าเต็มหัวใจนี้เป็นธรรมอยู่แล้ว ไม่มีอะไรกับใครเลยถึงจะว่าขนาดไหนหนักเบามากน้อย ก็มีแต่ชะแต่ล้างทั้งนั้นไม่มีทำลายกรุณาทราบเอาไว้

เรื่องธรรมนี้เรายอมรับว่ากระจายออกไปมากเวลานี้กระจายออกไปเยอะจนกระทั่งเมืองนอกก็มี ก็เสียงธรรมแหละออกไป ธรรมออกที่ไหนชุ่มเย็นๆ เพราะฉะนั้นธรรมจึงควรได้รับการบำรุง ทางศาสนาก็บำรุงขึ้นไป ทางชาติก็บำรุงนี่ถูกต้องดีงาม อย่าทำลาย ศาสนาทำลายตัวเองก็มี ชาติทำลายก็มี มันสองอย่างการทำลายนี้ถือว่าเป็นข้าศึก ผู้ทำลายศาสนาอยู่ในวงศาสนานั้นก็คือเทวทัตในวงศาสนาทางโลกก็ตามถ้าใครไปทำลายศาสนาแล้ว เรียกว่าผู้นั้นเป็นผู้ทำลาย

แล้วก็ย่นเข้ามาหาตัวของเราทั้งหลายที่นั่งฟังเทศน์อยู่เวลานี้มันทำลายศาสนาหรือส่งเสริมศาสนาก็ไม่รู้ แล้วศาสนาอยู่กับใครมันก็ไม่รู้อีกนะศาสนาก็อยู่กับทุกคนๆ ความคิดการพูดการกระทำทุกอย่างถ้าเป็นความผิดจากหลักธรรมของพระพุทธเจ้า เรียกว่าทำลายศาสนาผู้ใดทำผู้นั้นเป็นผู้ทำลายคิดไม่ดีอยู่ภายในใจก็เป็นการทำลายศาสนาคือตัวเองอยู่ในใจพูดออกมาก็เป็นการทำลายศาสนาด้วยวาจา กระทำลงไปก็เป็นการทำลายศาสนาด้วยการกระทำมันออกจากบุคคลๆ แต่ละคนๆ พวกเรานี้ทำลายศาสนาหรือส่งเสริมศาสนาก็ดูเอาอีกทีนะว่ากว้างๆ ว่าทำลายศาสนาหรือส่งเสริมศาสนาตั้งแต่ภายนอกอย่างเดียวให้มาดูตัวของบุคคลแต่ละคนๆ เรานี้แหละรวมแล้วเป็นศาสนา รวมแล้วเป็นโลกให้ดู

ผู้บังคับการกองบิน ๒๓ เรื่องความถี่วิทยุครับ ผมควบคุมกำกับดูแลอยู่ครับ ไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้นครับ เป็นพวกไม่หวังดีต่อประเทศชาติที่ท่านได้เทศน์ให้ญาติโยมฟังเป็นพวกที่สร้างความแตกแยกขึ้นมาครับ

หลวงตา พวกเราเป็นพวกที่รักษาชาติ ศาสนาพระมหากษัตริย์ และบำรุงชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อะไรมันขัดข้องปรึกษาหารือกันได้ว่าอย่างนั้นเถอะเรา ขัดข้องตรงไหนก็มาบอกกันปรึกษาหารือกันได้ เพื่ออุ้มชูชาติศาสนา พระมหากษัตริย์ของเราเท่านั้นเอง พอใจๆ มันมีอยู่เรื่อยเดี๋ยวเอานั้นมาอ้างเอานี้มาอ้าง แหม เราสลดสังเวชนะ คือเราสอนโลกนี้เอาธรรมพระพุทธเจ้าที่รื้อขนสัตว์โลกให้พ้นจากทุกข์เป็นจำนวนมากมายขนาดไหนมาสอนโลกทำไมเข้ามาปัจจุบันนี้ เฉพาะอย่างยิ่งในเมืองไทยของเราซึ่งเป็นเมืองพุทธแล้วทำไมจึงกลายมาเป็นข้าศึกต่อศาสนาแล้วศาสนาเลยจะกลายเป็นผู้ต้องหาเข้าไปนี้เราก็ไม่เคยได้ยิน พึ่งมาได้ยินนี่สลดสังเวชนะเรา มันหนามากอยู่นะกิเลส มันจะไม่ยอมเลยของดีมันจะยินดีตั้งแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุด ทำลายกันตลอด เออ เอาละพอใจๆ นะ

วิทยุเรานี้ก็ โอ้โห ครอบไปเยอะนะ วิทยุต่างๆกว้างขวางมากนะ เป็นประโยชน์แก่คนทั้งประเทศเวลานี้วิทยุนี้ออกกระจายอย่างรวดเร็วทีเดียว ธรรมะนี่นะ ออกๆ แล้วฟังว่าอุปสรรคก็อย่างนี้ มันขัดตรงนั้นมันขวางตรงนี้ เราก็คอยฟังไปๆ เพราะธรรมนี้เป็นกลางๆ คอยฟังผิดถูกชั่วดี ไม่ได้ว่าพวกนั้นพวกนี้ ธรรมต้องฟังกลางๆ ไม่มีอะไรขัดข้องนะทางวิทยุ (ไม่มีครับเออ เอาละพอใจ

 

มูลนิธิเสียงธรรมฯ จึงขอออกแถลงการณ์ตามความเป็นจริง เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้รับทราบข้อมูลเหตุผลทั้งทางโลกและทางธรรม และจะได้พร้อมใจกันสละชีวิตเพื่อรักษาธรรมด้วยการปกป้องเครือข่ายวิทยุเสียงธรรม "มรดกธรรม" ขององค์หลวงตาให้พ้นจากภัยคุกคาม และจะได้เป็นที่พึ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของพี่น้องประชาชนในวันนี้และของลูกหลานในวันหน้าตราบนานเท่านาน

 

 

มูลนิธิเสียงธรรมเพื่อประชาชนฯ

๙ มิถุนายน ๒๕๕๖