มูลนิธิเสียงธรรมเพื่อประชาชน

You are here: หน้าหลัก ข่าวสารมูลนิธิเสียงธรรมฯ ด่วน 30 ม.ค.นี้ให้นำสำเนาทะเบียนบ้านและสำเนาบัตรประชาชนมาร่วมลงชื่อเสนอร่างกม.เครื่องส่งวิทยุฯ และบอกต่อๆกันไป

ด่วน 30 ม.ค.นี้ให้นำสำเนาทะเบียนบ้านและสำเนาบัตรประชาชนมาร่วมลงชื่อเสนอร่างกม.เครื่องส่งวิทยุฯ และบอกต่อๆกันไป

อีเมล พิมพ์ PDF

เนื่องจากรายชื่อในการเสนอร่างกฎหมายที่รวบรวมได้นั้น มีจำนวน ๑๐,๐๐๐ รายชื่อพอดี ทางคณะทำงานฯ เห็นว่าควรมีรายชื่อเพิ่มเติม ดังนั้นในวันที่ ๓๐ มกราคมนี้ ที่ท่านจะเดินทางมาร่วมงานมหากุศลในพิธีวางศิลาฤกษ์พิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์องค์หลวงตาฯ  จึงขอให้ท่านนำสำเนาทะเบียนบ้านมาด้วย เพื่อร่วมลงชื่อการเสนอร่างพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคมเป็นการเพิ่มเติม

  
หลักการและเหตุผล
 
          โดยที่มีความจำเป็นเร่งด่วนสมควรกำหนดหลักเกณฑ์มาตรฐานทางเทคนิคของเครื่องส่งวิทยุกระจายเสียงที่ใช้สำหรับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง เพื่อประโยชน์ในการควบคุมให้การใช้คลื่นความถี่ปราศจากการรบกวนต่อกิจการวิทยุทางการบินเพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน ลดการรบกวนซึ่งกันและกัน และเพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพของมนุษย์จากการใช้เครื่องวิทยุคมนาคม และมีผู้ประกอบการรายใหม่จำนวนมากอาศัยอำนาจโดยชอบตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.๒๕๔๓ ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงเพื่อประโยชน์สาธารณะที่ไม่แสวงหากำไรทางธุรกิจ หรือเพื่อการแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรม ต่างได้รับความเดือดร้อนและผลกระทบรุนแรงจากการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยวิทยุสื่อสารที่ล้าสมัยตราไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๙๘ ซึ่งไม่รองรับการประกอบการ และไม่สอดคล้องกับสภาพสังคมและการพัฒนาทางเทคโนโลยีวิทยุคมนาคมในปัจจุบัน ในขณะที่ผู้ประกอบการรายเดิมซึ่งเป็นภาครัฐที่ประกอบการก่อนพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.๒๕๔๓ กลับได้รับความคุ้มครองและได้ผลประโยชน์เป็นกรณีพิเศษจากกฎหมายว่าด้วยวิทยุสื่อสาร ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำจากการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวอันอาจเป็นสาเหตุให้มีความขัดแย้งเกิดขึ้นในสังคมแผ่กระจายไปทั่วราชอาณาจักรได้ ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งประชาชนเห็นว่ามาจากการเลือกปฏิบัติของ กสทช. ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตที่มีนโยบายกีดกันและลิดรอนสิทธิผู้ประกอบการรายใหม่ และยังใช้เหตุนี้เป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งเข้าตรวจจับและฟ้องร้องให้ผู้ประกอบการที่ดีที่บำเพ็ญเพื่อประโยชน์สาธารณะอย่างแท้จริงกลายเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายมีคดีติดตัวทั้งที่มีสาเหตุมาจากการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานด้วยนโยบายของ กสทช. ที่จงใจปิดกั้นมิให้ภาคประชาชนได้มีส่วนร่วมในการดำเนินการสื่อมวลชนสาธารณะอันเป็นการกระทำที่ขัดต่อบทบัญญัติตามมาตรา ๔๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
        ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยสาธารณะในการใช้เครื่องส่งกระจายเสียง และเพื่อให้การเปลี่ยนผ่านเข้าสู่การพิจารณาขอรับใบอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เป็นไปตามเจตนารมณ์อย่างแท้จริงของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย อันเป็นการควบคุมให้ กสทช. ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดทั้งในด้านความเสมอภาค การคุ้มครอง และการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการรายใหม่ได้นำเครื่องส่งวิทยุกระจายเสียงเข้าสู่ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมาตรฐานอันเดียวกันกับเครื่องส่งวิทยุกระจายเสียงของผู้ประกอบการรายเดิมที่เป็นกระทรวง ทบวง กรม หรือนิติบุคคล ที่ กสทช. กำหนดไว้ ซึ่งมีผลให้เครื่องส่งกระจายเสียงของผู้ประกอบการรายใหม่ได้รับการจดทะเบียน เป็นการป้องกันมิให้ กสทช. ฟ้องร้องคดีโดยใช้เครื่องส่งกระจายเสียงดังกล่าวมาเป็นเครื่องมือในการกล่าวโทษแบบเลื่อนลอยได้อีกต่อไป หากไม่มีกฎหมายควบคุมการปฏิบัติหน้าที่ของ กสทช. ในกรณีดังกล่าว ย่อมส่งผลกระทบร้ายแรงต่อต่อภาพพจน์และชื่อเสียงของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อกิจการทางการบินซึ่งเป็นความปลอดภัยสาธารณะ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้